|
หัวข้อ : "คนกรุงฯ
กับความตื่นตัวเรื่องการประหยัด" |
|
วัตถุประสงค์ของการสำรวจ :. |
|
เพื่อทราบความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับความตื่นตัวเรื่องการประหยัด
ในประเด็นต่อไปนี้
- ความคิดเห็นต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยในปัจจุบัน
- สาเหตุหลักที่ทำให้ประเทศไทยประสบกับสภาวะเศรษฐกิจดังที่เป็นอยู่
- ความมั่นใจต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
- ความเหมาะสมของมาตรการประหยัดพลังงาน
3 ข้อที่รัฐบาลประกาศใช้
- พฤติกรรมที่คนไทยควรจะปรับปรุงแก้ไขเป็นอันดับแรกเพื่อการประหยัด
- ปัจจัยสำคัญที่สุดในการจูงใจให้คนไทยประหยัด
|
|
ระเบียบวิธีการสำรวจ : |
|
การสุ่มตัวอย่าง |
|
การสำรวจ ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองของกรุงเทพมหานคร
ใช้วิธีการสุ่ม ตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน
(Multi-Stage Sampling) โดย
สุ่มเขตการปกครองจาก 50 เขตของกรุงเทพมหานครให้ได้ 30 เขต จากนั้น
สุ่มถนน และประชากร
เป้าหมายที่จะสัมภาษณ์ ได้ตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน
1,095 คน |
|
ความคลาดเคลื่อน
(Margin of Error) : ในการประมาณการขนาดตัวอย่างใช้ความคลาดเคลื่อน
+- 4% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% |
|
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
: .
การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถาม และสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชากรเป้าหมายที่สุ่มได้ ในเรื่อง
"คนกรุงฯ กับความตื่นตัวเรื่องการประหยัด" |
|
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล
: 13 - 14 กรกฎาคม 2548 |
|
วันที่เผยแพร่ข้อมูล
: .15 กรกฎาคม 2548 |
|
สำรวจโดย
: ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โทร. 0-2350-3500
ต่อ 1776 http://research.bu.ac.th/poll/poll_list.php |
|
ผลการสำรวจ : |
|
1. การสำรวจใช้วิธีสุ่มตัวอย่างประชากรอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
ที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,095 คน
เป็นชายร้อยละ
48.7 หญิงร้อยละ 51.3
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ
34.7 มีอายุระหว่าง 18 - 25 ปี ร้อยละ 27.7 มีอายุระหว่าง 26 – 35
ปี ร้อยละ 24.5 มี
อายุระหว่าง
36 – 45 ปี และร้อยละ 13.1 มีอายุ 46 ปีขึ้นไป
กลุ่มตัวอย่างมีการศึกษาระดับประถมศึกษาร้อยละ
11.8 ระดับมัธยมศึกษา/ปวช. ร้อยละ 22.2
ระดับ ปวส./
อนุปริญญา
ร้อยละ
10.1 ระดับปริญญาตรี ร้อยละ 52.6 และสูงกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 3.3
กลุ่มตัวอย่างประกอบอาชีพรับราชการ
ร้อยละ 9.0 พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 7.9 พนักงาน/ลูกจ้างบริษัทเอกชน
ร้อยละ 24.9 ค้าขาย / ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 14.9 รับจ้างทั่วไป ร้อยละ
10.6 พ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ ร้อยละ 2.3 นิสิต/
นักศึกษา
ร้อยละ
22.9 อาชีพอิสระ ร้อยละ 6.8 และอื่นๆ ร้อยละ 0.7 |
|
2. เมื่อถามถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยในปัจจุบัน ประชาชนส่วนใหญ่คือร้อยละ
53.9
เห็นว่าสภาพเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันค่อนข้างแย่ และร้อยละ
18.6 เห็นว่าแย่ ในขณะที่ ร้อยละ 23.7 เห็นว่า
สภาพเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันค่อนข้างดี
และร้อยละ 3.8 เห็นว่าดี |
|
3. สาเหตุหลักที่ทำให้ประเทศไทยประสบกับสภาวะเศรษฐกิจดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ร้อยละ 44.9
เห็นว่าเกิดจากการที่คนไทยใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ร้อยละ
26.9 ระบุว่าเกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศ
ร้อยละ 24.4
ระบุว่าเกิดจากรัฐบาลดำเนินนโยบายผิดพลาด
และร้อยละ 3.8 ระบุว่าเกิดจากการที่รัฐบาลไม่จริงใจในการแก้ปัญหา |
|
4. สำหรับความมั่นใจต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่นายกรัฐมนตรีแถลงเมื่อวันที่ 12
กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น
ร้อยละ 43.3 ไม่มั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้สภาพเศรษฐกิจของไทยดีขึ้นได้ มีเพียงร้อยละ
26.7 ที่มั่นใจ
ขณะที่ร้อยละ 30.0 ไม่แน่ใจ |
|
5.
เมื่อถามถึงความเหมาะสมของมาตรการประหยัดพลังงาน 3 ข้อที่รัฐบาลประกาศใช้ ได้แก่
การปิดสถานี
บริการน้ำมันตั้งแต่เวลา 4 ทุ่มถึงตี 5 ยกเว้นถนนสายหลัก
และสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ เอ็นจีวี / ปิดไฟป้ายโฆษณาและป้ายประดับ
สถานที่ทำธุรกิจหลังเวลา
4 ทุ่ม / และห้ามหน่วยงานของรัฐเบิกจ่ายน้ำมันเบนซินถ้าสามารถใช้ก๊าซโซฮอล์ได้นั้น ร้อยละ 75.3
เห็นว่ามาตรการดังกล่าวมีความเหมาะสม ขณะที่ร้อยละ 24.7
เห็นว่าไม่เหมาะสม
โดยผู้ที่เห็นว่ามาตรการดังกล่าวไม่เหมาะสมได้ให้เหตุผลว่า
ประชาชนบางกลุ่มยังจำเป็นต้องใช้น้ำมันหลัง 4 ทุ่ม (ร้อยละ
9.7 )
เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ (ร้อยละ 8.2 ) มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและลูกจ้างแรงงาน
(ร้อยละ 3.1)
ควรมีมาตรการอื่นมากกว่า 3 ข้อที่ประกาศใช้
เช่นปิดไฟสถานบันเทิง สนามกอล์ฟ และร้าน สะดวกซื้อ (ร้อยละ
1.8 ) และไม่ระบุ
เหตุผลอีกร้อยละ 1.9 |
|
6.
เมื่อถามว่า พฤติกรรมใดที่คนไทยควรปรับปรุงแก้ไขเป็นอันดับแรกหากคิดจะประหยัด
อันดับแรกเห็นว่า
ต้องเลิกค่านิยมฟุ้งเฟ้อ รักสบาย และใช้จ่ายเกินตัว
(ร้อยละ 43.9) รองลงมาเห็นว่าควรหันมาใช้รถสาธารณะแทนรถยนต์
ส่วนตัว
(ร้อยละ 14.7) ใช้น้ำและไฟฟ้าเท่าที่จำเป็น (ร้อยละ 11.3) กินของไทยใช้ของไทย
(ร้อยละ 8.8) คิดถึงส่วนรวมให้มากขึ้น
(ร้อยละ 8.1) ต้องรู้จักวางแผนการใช้จ่ายล่วงหน้า
(ร้อยละ 7.7) ใช้เวลาอยู่บ้านกับครอบครัวให้มากขึ้น (ร้อยละ 3.8) และขับรถ
ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ร้อยละ 1.7) |
|
7. ส่วนปัจจัยสำคัญที่สุดในการจูงใจให้คนไทยประหยัด
เห็นว่าต้องมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ( ร้อยละ 47.4)
รองลงมาเห็นว่าผู้นำต้องปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดี
(ร้อยละ 30.7) ต้องมีมาตรการลงโทษกับผู้ที่ไม่ประหยัด (ร้อยละ 11.5)
ต้องมี
รางวัลล่อใจให้ปฏิบัติตาม (ร้อยละ 8.5) และอื่นๆ เช่น ควรออกเป็นมาตรการบังคับให้ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน (ร้อยละ
1.9) |
|
|
|
ตารางแสดงการประมวลผลข้อมูล |
|
|
|
|
|
ตารางที่ 1 : ข้อมูลประชากรศาสตร์
|
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
เพศ : |
ชาย |
533 |
48.7 |
หญิง |
562 |
51.3 |
อายุ : |
18
– 25 ปี |
381 |
34.7 |
26
– 35 ปี |
303 |
27.7 |
36
– 45 ปี |
268 |
24.5 |
46
ปีขึ้นไป |
143 |
13.1 |
การศึกษา : |
ประถมศึกษา |
129 |
11.8 |
มัธยมศึกษา / ปวช. |
244 |
22.2 |
ปวส. / อนุปริญญา |
110 |
10.1 |
ปริญญาตรี |
576 |
52.6 |
สูงกว่าปริญญาตรี |
36 |
3.3 |
อาชีพ
: |
ข้าราชการ |
98 |
9.0 |
พนักงานรัฐวิสาหกิจ |
86 |
7.9 |
พนักงาน/ลูกจ้างบริษัทเอกชน |
273 |
24.9 |
ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว |
163 |
14.9 |
รับจ้างทั่วไป |
116 |
10.6 |
พ่อบ้าน
/แม่บ้าน/เกษียณอายุ |
25 |
2.3 |
นิสิต/นักศึกษา |
251 |
22.9 |
อาชีพอิสระ |
75 |
6.8 |
อื่น
ๆ |
8 |
0.7 |
|
|
|
|
|
|
ตารางที่
2: ความคิดเห็นต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยในปัจจุบัน |
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
ดีมาก |
42 |
3.8 |
ค่อนข้างดี |
259 |
23.7 |
ค่อนข้างแย่ |
590 |
53.9 |
แย่ |
204 |
18.6 |
|
|
|
|
|
|
ตารางที่
3: สาเหตุหลักที่ทำให้ประเทศไทยประสบกับสภาวะเศรษฐกิจดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) |
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
คนไทยใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย |
511 |
44.9 |
เกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศ |
307 |
26.9 |
รัฐบาลดำเนินนโยบายผิดพลาด |
278 |
24.4 |
รัฐบาลไม่จริงใจในการแก้ปัญหา |
44 |
3.8 |
|
|
|
|
|
|
ตารางที่ 4 : ความมั่นใจต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่นายกรัฐมนตรีแถลงเมื่อคืนวันที่
12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
เช่นการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ จัดสรรเงินให้หมู่บ้าน ขยายตลาดสินค้าการเกษตร
และสินค้าโอท็อป และขยายบริการโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคในอันที่จะมีผลให้สภาพเศรษฐกิจ
ของไทยดีขึ้น
|
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
มั่นใจ |
292 |
26.7 |
ไม่มั่นใจ |
474 |
43.3 |
ไม่แน่ใจ |
329 |
30.0 |
|
|
|
|
|
|
ตารางที่ 5 : ความคิดเห็นต่อมาตรการประหยัดพลังงาน 3 ข้อ
ที่รัฐบาลประกาศใช้ ได้แก่การปิดสถานีบริการน้ำมัน
หลังเวลา
4 ทุ่มถึงตี 5 ยกเว้นถนนสายหลัก และสถานีบริการก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี /
ปิดไฟป้ายโฆษณา
และป้ายประดับสถานที่ที่ทำธุรกิจหลังเวลา 4 ทุ่ม
/ และห้ามหน่วยงานรัฐเบิกจ่ายน้ำมันเบนซิน ถ้าสามารถ
ใช้ก๊าซโซฮอล์ได้
|
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
เหมาะสม |
825 |
75.3 |
ไม่เหมาะสม |
270 |
24.7 |
เหตุผล |
บางคนยังมีความจำเป็นต้องใช้ น้ำมันหลัง
4 ทุ่ม |
106 |
9.7 |
เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ |
90 |
8.2 |
ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและลูกจ้างแรงงาน |
33 |
3.1 |
ควรมีมาตรการอื่นมากกว่า
3 ข้อที่ประกาศใช้ |
20 |
1.8 |
ไม่ระบุเหตุผล |
21 |
1.9 |
|
|
|
|
|
|
ตารางที่ 6: พฤติกรรมที่คนไทยควรปรับปรุงแก้ไขเป็นอันดับแรกหากคิดจะประหยัด
|
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
เลิกค่านิยมฟุ้งเฟ้อ รักสบาย และใช้จ่ายเกินตัว |
480 |
43.9 |
ใช้รถสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนตัว |
161 |
14.7 |
ใช้น้ำและไฟฟ้าเท่าที่จำเป็น |
124 |
11.3 |
กินของไทย ใช้ของไทย |
96 |
8.8 |
คิดถึงส่วนรวมให้มากขึ้น |
89 |
8.1 |
รู้จักวางแผนการใช้จ่ายล่วงหน้า |
84 |
7.7 |
ใช้เวลาอยู่บ้านกับครอบครัวให้มากขึ้น |
42 |
3.8 |
ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน
90 กิโลเมตร/ชั่วโมง |
19 |
1.7 |
|
|
|
|
|
|
ตารางที่
7: ปัจจัยสำคัญที่สุดในการจูงใจให้คนไทยประหยัด |
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
ต้องมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องจริงจัง |
519 |
47.4 |
ผู้นำต้องปฏิบัติตนเป็นตัวอย่าง |
335 |
30.7 |
ต้องมีการลงโทษกับผู้ที่ไม่ประหยัด |
126 |
11.5 |
ต้องมีรางวัลล่อใจให้ปฏิบัติตาม |
94 |
8.5 |
อื่นๆ เช่น ควรออกเป็นมาตรการบังคับ |
21 |
1.9 |
|
|
|
|
สามารถทำการ
Vote ได้วันละ 1 ครั้ง |
Connect to DB
Download
document file : ( คนกรุงฯ กับความตื่นตัวเรื่องการประหยัด ) |
|
|
โทร. 0-2350-3500 ต่อ
1776
|
|